EditorialnewsNorth regionroyal projectRoyal Story

บทความเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง กาแฟพัฒนาชีวิตบนดอยฟ้าห่มปก

ร้านกาแฟ Ar-Zae. ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ ดอยฟ้าห่มปก ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นของนายอาแซะ วุ่ยลือ ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า เป็นสมาชิกของโครงการฯที่รู้จักพัฒนาอาชีพของตนเอง ต่อยอดการปลูกกาแฟให้กลายเป็นผลผลิตที่สามารถพึ่งพาตนเองได้

อาแซะ เล่าว่า เดิมพื้นที่ของหมู่บ้านบนดอยผ้าห่มปก หรือฟ้าห่มปก เป็นพื้นที่รกร้าง กระทั่งเกิดโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ ดอยฟ้าห่มปก ในปี 2544 ราษฎรในพื้นที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพ เช่น การปลูกกาแฟ อโวคาโด้ แมคคาเดเมีย ทำให้มีรายได้จากการขายผลผลิตป้อนโรงงาน แต่เมื่อตนจบการศึกษาระดับชั้น ปวช.ด้านช่างเชื่อม ได้กลับมาพัฒนาอาชีพการทำเกษตรกรรมเปลี่ยนแนวคิดจากการผลิตขายป้อนโรงงาน มาพัฒนาคุณภาพแล้วขายผลผลิตเอง

 

อาแซะ ได้พัฒนาคุณภาพกาแฟทุกขั้นตอนการผลิต โดยเฉพาะการคั่วกาแฟจนกระทั่งได้รับรางวัลเหรียญทองแดง ประเภทคุณภาพกาแฟระดับดีมาก กาแฟอะราบิกา กระบวนการแปรรูปโดยวิธีเปียก ในโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทยประจำปี 2565 ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

อาแซะยังเล่าว่า ผลจากการส่งเสริมของโครงการที่สนับสนุนพันธุ์ปลาเรนโบว์เทราท์และต้นกาแฟ และตนเองได้พัฒนาคุณภาพกาแฟ ทำให้ปัจจุบันมีรายได้จากการขายกาแฟหน้าร้านและปลาในเดือนตุลาคม มีนาคมและเมษายน เฉลี่ยเดือนละ 25,000บาท ส่วนช่วงเวลาอื่นๆสามารถคั่วกาแฟขายตามออเดอร์ลูกค้าได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังขายผลผลิตอโวคาโด้ แมคคาเดเมีย และชาในหน้าฝน ทำให้มีรายได้ต่อเนื่องเฉลี่ยเดือนละ 15,000-18,000บาท ส่วนการยังชีพนั้นยังได้รับข้าวพระราชทานทุกเดือนเนื่องจากดอยฟ้าห่มปกมีอากาศหนาวเย็นไม่สามารถปลูกข้าวได้เพียงพอต่อการบริโภค อีกทั้งยังปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ไว้บริโภค

อาแซะ วุ่ยลือ เป็นตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ 4ชนเผ่า คืออาข่า มูเซอ กะเหรี่ยง และลีซอ แต่ปัจจุบันชนเผ่ากะเหรี่ยงได้อพยพออกไปแล้ว เป็นไปตามพระราชประงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงต้องการให้จัดตั้งโครงการขึ้นในปี 2544 ส่งเสริมราษฎรมีอาชีพทำกินพึ่งพาตนเองได้ และร่วมกันดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณใกล้เคียงให้เกิดความอุดมสมบูรณ์

ในโอกาสที่นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางสุพร ตรีนรินทร์ ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ กปร. คณะที่ปรึกษาฯ และคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการพบว่า ราษฎรมีรายได้จากการรับจ้างในพื้นที่โครงการฯ เฉลี่ย 60,000 บาท/ปี/ครัวเรือน

ขณะที่กาแฟได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สร้างรายได้หลักให้กับราษฎร จากเดิมตั้งแต่เริ่มต้นโครงการฯ มีรายได้เฉลี่ย 50,000 บาท/ปี/ครัวเรือน ปัจจุบันมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 120,000 บาท/ปี/ครัวเรือน ขณะที่การขายปลาเรนโบว์เทราต์ ทำให้ราษฎรมีรายได้เฉลี่ย 20,000 – 30,000 บาท/ปี/ครัวเรือน นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชมทิวทัศน์ของป่า น้ำและวิถีชีวิตของชนเผ่าที่มีความหลากหลายได้อีกด้วย

บ้านเล็กๆของชาวไทยภูเขาภายใต้ผืนป่าใหญ่แห่งดอยผ้าห่มปกหรือดอยฟ้าห่มปก เป็นที่พักอาศัยของราษฎรชาวไทยภูเขาภายใต้ร่มพระบารมี ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการสร้างอาชีพที่มั่นคง  ผืนป่าบนดอยฟ้าห่มปกจึงโอบอุ้มราษฎรให้อยู่ร่วมกับป่าได้อย่างมีความสุขสืบไป.

บทความโดย สุวินา เอี่ยมสุทธา