newsSocial developmentSocial News

ปิดทองหลังพระฯเร่งช่วยคนตกงานและเกษตรกร ให้มีงานทำในหน้าแล้ง

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งภัยแล้งและเศรษฐกิจตกต่ำ โดยพบว่าเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ประชาชนจะเผชิญวิกฤติมากที่สุด

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยว่า คณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ จึงมีมติให้เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานและเกษตรกร จ้างแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง และบัณฑิตว่างงานในพื้นที่ มาร่วมพัฒนาแหล่งน้ำและการเกษตร ควบคู่กับการเรียนรู้และปฏิบัติตามแนวพระราชดำริทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

โดยจะนำร่อง“โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19” ใน 3 จังหวัด คือกาฬสินธุ์ ขอนแก่นและอุดรธานี กรอบงบประมาณ 288 ล้านบาท ขณะนี้ได้สำรวจโครงการแล้วเสร็จ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในระยะเร่งด่วนจำนวน 95 โครงการในเดือนเมษายน 2563 เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำทำการเกษตรตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป  จะช่วยเหลือผู้ว่างงานในเบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 200 คน

การดำเนินงานในระยะเร่งด่วนแบ่งโครงการเป็น 2 ประเภท คือโครงการซ่อมแซมและเสริมประสิทธิภาพแหล่งน้ำที่มีต้นทุนน้ำอยู่แล้วและโครงการที่มีระบบน้ำอยู่แล้วสามารถดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องได้ทันที โดยคัดเลือกจากแหล่งน้ำถ่ายโอนจากกรมชลประทานและหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ที่เสียหายและมีความจำเป็นต้องซ่อมแซมและเสริมศักยภาพ  ขณะนี้อยู่ระหว่าง เตรียมความพร้อมประชาชนในพื้นที่ จัดทำแผนงานและงบประมาณเพื่อเสนอให้คณะกรรมการระดับจังหวัดอนุมัติ โดยปิดทองหลังพระฯ จะสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมและเสริมประสิทธิภาพแหล่งน้ำ การต่อยอดอาชีพ

“สำหรับเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาแหล่งน้ำ คาดว่าจะมีน้ำเพาะปลูกและมีรายได้ภายใน 45 วัน ดังนั้นโครงการฯจะขอความร่วมมือในการสละแรงงานเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำโดยไม่มีค่าจ้างแรงงาน”  นายการัณย์ กล่าว

ทั้งนี้ ปิดทองหลังพระฯ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยสำรวจผู้ว่างงาน เพื่อจ้างเป็นอาสาพัฒนาหมู่บ้าน (อสพ.) ทำหน้าที่ซ่อมแซมแหล่งน้ำและพัฒนาการเกษตรร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ และบัณฑิตว่างงานในหมู่บ้านจะจ้างเป็นพนักงานโครงการ ทำหน้าที่ประสานงานติดตามการดำเนินงานโครงการ ทั้งสองกลุ่มจะได้เรียนรู้และปฏิบัติงานตามแนวพระราชดำริ ซึ่งระหว่างการศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติงานทางสถาบันฯ จะจ่ายค่าแรงงาน ค่าตอบแทนด้วย เป็นระยะเวลา 3 เดือน