Art culture and Entertainmentnews

สวธ.เปิดตัวหนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา

           นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่ากระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) ได้จัดพิมพ์หนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา 2 เมษายน 2561 เป็นการสะท้อนคุณค่าของวัฒนธรรมถึง 3 ประการ คือ

            ประการแรก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถด้านงานวัฒนธรรม ทรงเอาพระทัยใส่ในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติเสมอมา ทั้งยังทรงแสดงพระอัจฉริยภาพด้านการอนุรักษ์และสืบทอดงานศิลปวัฒนธรรมให้เจริญรุ่งเรือง เปรียบประดุจต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ไพศาลปกเขตทั่วฟ้าแดนไทย ให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข จึงถือได้ว่าทรงเป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็นเช่นเดียวกับร่มไม้ใหญ่มีต่อสรรพสัตว์ และการเลือกจำนวนต้นไม้เท่ากับพระชนมายุของพระองค์นั้น มีนัยยะสำคัญอันเป็นการแสดงความสัมพันธ์ของประชาชนต่อพระองค์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

            ประการที่สอง ในต้นไม้ใหญ่มีวัฒนธรรม มีทั้งเรื่องของต้นไม้เอง เรื่องของบุคคลหรือชุมชนผู้ปลูก และเรื่องของสถานที่ที่ต้นไม้เหล่านั้นเติบโตขึ้นมา รวมถึงกาลเวลาที่ต้นไม้ได้ยืนหยัดผ่านมา ที่ส่งผลให้เห็นถึง แรงบันดาลใจ ความเชื่อ ความศรัทธา ตลอดจนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชุนที่เป็นเสมือน “บ้าน” ของต้นไม้เหล่านั้น การที่กระทรวงวัฒนธรรมสำรวจ ค้นคว้า จนได้มาซึ่งต้นไม้ใหญ่ของแผ่นดินทั้ง ๖๓ ต้น จึงเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้ท้องถิ่น และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความรัก และความหวงแหนในมรดกทางธรรมชาติเหล่านี้ และนำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน เพื่อให้ต้นไม้ยืนหยัดให้ร่มเงาแห่งความรักและความผูกพันระหว่างมนุษย์กับต้นไม้ สืบไป

            ประการที่สาม วัฒนธรรมจะพัฒนาได้ก็ต้องต่อยอดให้มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เฉกเช่นต้นไม้ใหญ่ ที่แตกยอดให้ร่มเงาแผ่ไพศาลเป็น รุกข มรดกของแผ่นดินที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย การนำต้นไม้และวัฒนธรรมชุมชนมาสร้างสรรค์เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวนั้น นอกจากจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ยังสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ สะท้อนวิถีชีวิตและความงดงามทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ทำให้ต้นไม้เป็นมากกว่าคำว่าต้นไม้ ทำให้วัฒนธรรมมีชีวิตและสร้างมิติใหม่ของการท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรมกับธรรมชาติ

            นายวีระ กล่าวอีกว่า เนื้อหาของหนังสือ “รุกข มรดกแห่งแผ่นดิน” เล่มนี้ ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้นำบทความ “ต้นไม้ในวังสระปทุม ของเจ้าฟ้านักอนุรักษ์” พร้อมภาพต้นไม้ในวังสระปทุม และได้รวบรวม เรียบเรียงประวัติ เรื่องราวที่มีการบันทึกไว้ รวมไปถึงความรู้ทางวิชาการด้านพฤกษศาสตร์เกี่ยวกับต้นไม้ในสถานที่ต่างๆ จากทุกภูมิภาค จำนวน 63 ต้น เท่าพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาจัดพิมพ์พร้อมภาพประกอบที่สวยงาม เพื่อเผยแพร่เป็นความรู้ให้ผู้อ่านได้รู้จักต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืนยาวหรือที่มีความพิเศษเหล่านี้ยิ่งขึ้น ทั้งด้านประวัติความเป็นมา และความหมายความเป็นต้นไม้ของแผ่นดินอย่างลึกซึ้ง

            ตัวอย่างต้นไม้ที่มีอายุเก่าแก่และน่าสนใจ เช่น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่จังหวัดกำแพงเพชร อายุ 661 ปี เป็นต้นไม้ที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย ทรงนำมาจากลังกา เมื่อคราวส่ง สมณทูตไปสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และทรงปลูกไว้พร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อพุทธศักราช 1900 ปัจจุบัน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ มีเส้นรอบวงประมาณ 10.20 เมตร และมีความสูงประมาณ 20 เมตร และต้นไม้ที่น่าสนใจอีกต้นหนึ่ง คือ ต้นจันผาที่จังหวัดสุรินทร์ มีเส้นรอบวง 3.63 เมตร ความสูง 13.79 เมตร ตั้งอยู่ในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรมวัดเขาดาร์สปวง ถือเป็นต้นจันผาใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ท่ามกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่ บริเวณใต้ต้นไม้จะมีหินขนาดใหญ่ 2 ก้อน และมีช่องหิน เชื่อกันว่า ผู้ที่ไม่มีคู่ครองเมื่อลอดแล้วก็จะได้พบเนื้อคู่และจะได้แต่งงานกันอยู่ดีมีสุข สำหรับคนที่มีคู่ครองแล้ว หากลอดช่องหินดังกล่าวก็จะยิ่งพบความสุข ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

           “กระทรวงวัฒนธรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะมีคุณค่าในการต่อยอดองค์ความรู้ หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์ ปลูกฝังวัฒนธรรมความรักต้นไม้และรักษ์ธรรมชาติแก่ เด็ก เยาวชน และประชาชน รวมถึงเป็นแบบอย่างแก่ท้องถิ่นอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต อีกทั้ง กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้กำหนดจัดกิจกรรมวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นที่มีต้นไม้ทรงคุณค่า ทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชุมชน สามารถเสริมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้อีกทางหนึ่ง โดยจะทยอยเปิดตัวต้นไม้ใหญ่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของชุมชน ต่อไป” นายวีระ กล่าว

            ทั้งนี้ ในการเปิดตัวหนังสือฯ ไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังมีการมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร และชุมชน ที่มีคุณูปการในการสืบสานตำนานต้นไม้ รวมถึงแจกของที่ระลึกเป็นกล้าไม้ที่ขยายพันธุ์จากต้นไม้ “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ประกอบด้วย ต้นจำปีสิรินธร ต้นยางนา ต้นจันทน์หอม ต้นเทพทาโร ต้นสมอพิเภก และต้นหยี โดยได้รับความอนุเคราะห์จากกรมป่าไม้ เพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน

            สำหรับรายละเอียดของต้นไม้ต้น สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน ซึ่งจัดพิมพ์เป็นสามภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน โดยติดต่อสอบถามได้ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม หรือดาวน์โหลด E- Book ได้จากเว็บไซต์ www.culture.go.th หรือหากท่านเดินทางไปเยี่ยมชมต้นไม้ในสถานที่จริง ก็สามารถสแกน QR Code ของหนังสือ ที่ป้ายต้นไม้นั้นๆ ได้อีกด้วย