ชูเทคนิค “ปลูกทุเรียนต้นคู่” ภูมิปัญญาดั้งเดิมเสริมวิทยาการสมัยใหม่ ขยายผลสู่เกษตรกร เพิ่มผลผลิต-ลดสูญเสียจากภัยธรรมชาติ
จากแนวคิดเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ที่ปลูกทุเรียนมีลมแรง ประสบกับภาวะน้ำท่วมขังอันเป็นที่มาของโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน ทำให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ทดลองปลูก “ทุเรียนแบบต้นคู่” ซึ่งพบว่านอกจากแก้ปัญหาดังกล่าวได้แล้ว ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มผลตอบแทนต่อพื้นที่ ซึ่งจะมีปริมาณผลผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าถึงร้อยละ 30 ในขณะที่ต้นทุนการผลิตใกล้เคียงกับการปลูกแบบต้นเดี่ยว จึงส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่นำมาปรับประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการผลิตผลไม้ภาคตะวันออก
ทั้งนี้ นายชาตรี บุญนาค ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ที่ 3 (สสก.3)จังหวัดระยอง เปิดเผยว่า การปลูกทุเรียนต้นคู่แบบยกโคกเดียว เป็นวิธีการหนึ่งที่ได้ผ่านการทดลองในพื้นที่ศึกษาของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ซึ่งต่อมาเกษตรกรได้นำมาดำเนินการในพื้นที่ของตนเองและขยายพื้นที่ปริมาณมากขึ้นในปัจจุบัน โดยมีนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรจากสำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัด เข้าไปช่วยกำกับดูแล และเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์เพิ่มเติม เป็นการศึกษาวิจัยเพื่อการต่อยอดในรูปแบบเน้นการมีส่วนร่วมของเกษตรกร สำหรับข้อดีของการปลูกแบบต้นคู่ นายชาตรี กล่าวว่า ประการแรก คือ การปลูกทุเรียนสองต้นคู่นั้นจะช่วยให้การยึดและประสานระหว่างกันของรากมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ทำให้การโค่นล้มของทุเรียนที่จะเกิดจากแรงลม หรือภัยธรรมชาติน้อยลง ลดปัญหาความสูญเสียของผลผลิตทุเรียน ประการที่สอง เมื่อทุเรียนเจริญเติบโตขึ้นเป็นสองต้นคู่กันต่อหลุม/โคก ที่มีการบริหารจัดการหลุม/โคกที่ดีแล้ว จะส่งผลให้ระบบรากสามารถหาอาหารได้ดีขึ้น จึงทำให้ผลผลิตทุเรียนมีปริมาณมากขึ้น อีกทั้งคุณภาพของผลผลิตเพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากการจัดการผลได้มากกว่าและมีอาหารเลี้ยงผลได้สมบูรณ์กว่า ต้นทุเรียนไม่โทรม ทำให้สามารถฟื้นตัวหลังการเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น ในส่วนของกิ่งก้านที่เบียดกันระหว่างสองต้นนั้น จะทำการลิดออกตั้งแต่ยังเล็ก และปล่อยให้กิ่งทุเรียนแผ่ออกด้านข้างของแต่ละต้น หลักการปลูกจะใช้หลักทางสภาพอากาศตามธรรมชาติ คือจะปลูกให้คู่กันในแบบระยะชิดระหว่างต้นในแนวทิศเหนือกับทิศใต้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุเรียนทั้ง 2 ต้น ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนเย็นพร้อมกันทั้งสองต้น “ขณะนี้มีเกษตรกรที่สนใจการปลูกทุเรียนต้นคู่ได้เข้ามาศึกษาดูงานกันอย่างต่อเนื่อง สำนักงานส่งเสริมพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง จึงได้จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่นักส่งเสริมการเกษตรมืออาชีพ เพื่อเรียนรู้การบริหารจัดการพื้นที่ปลูกทุเรียนแบบ 2 ต้นคู่ ในพื้นที่ปลูกของเกษตรกร เช่น สวนทุเรียนของ นายธีรภัทร อุ่นใจ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2561 สาขาอาชีพทำสวน หมู่ที่ 8 ตำบลตะเคียน ทอง อำเภอเขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี นอกจากนั้น แปลงเรียนรู้การปลูกทุเรียนต้นคู่นี้ ยังมีเกษตรกรผู้สนใจจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาศึกษาดูงาน ซึ่งทุกคนได้มีโอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเพาะปลูก แล้วนำไปถอดองค์ความรู้เพื่อนำไปปฏิบัติใช้ในพื้นที่ของตนเองและขยายผลสู่เกษตรกรรายอื่นๆ ที่สนใจต่อไป” ผอ.สสก.3ระยอง กล่าวว่า ด้าน นายปิยะ สมัครพงษ์ เกษตรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า แปลงปลูกทุเรียนต้นคู่ของนายธีรภัทร อุ่นใจ นั้น เป็นแปลงเกษตรที่อยู่ในระบบการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ตามนโยบายของกรมสงเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้กับเกษตรกรแปลงใหญ่ มีการทำการผลิตแบบลดต้นทุนขณะที่ให้ผลผลิตดีมีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของตลาด ตลอดถึงการสร้างสุขภาพของเกษตรกรอันเป็นผลมาจากการทำการผลิต “เกษตรกรรายนี้ มีความเด่นในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำการเพาะปลูก มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ สภาพของสวนมีความสะอาด ทุเรียนมีความสมบูรณ์ทุกต้น โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียนจะไม่มี มีการนำระบบชีวภาพในการเพาะปลูกมาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า ผสมผสานกับการใช้สารเคมี ทำการผลิตตามระบบ GAP มีการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนในการผลิต มีการจัดการผลผลิตหลังจากเก็บเกี่ยว ดูแลเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน พร้อมวางระบบการต่อรองกับพ่อค้าคนกลางโดยรวมกลุ่มเกษตรกรเข้าด้วยกันเป็นแปลงใหญ่เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรองได้มากขึ้น และมีผลผลิตทุเรียนอยู่ในมือประมาณ 3-4 ตันต่อปี ส่งผลให้สามารถควบคุมกลไกทางการตลาดและราคาผลผลิตได้ ซึ่งส่วนต่างๆ เหล่านี้นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2561 สาขาอาชีพทำสวน” นายปิยะ กล่าว ส่วน นายธีรภัทร อุ่นใจ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2561 สาขาอาชีพทำสวน เผยว่า เรื่องการปลูกทุเรียนต้นคู่นั้นเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนที่ปลูกพืชยืนต้นประเภทให้ผล เป็นการปลูกเพื่อเตรียมพร้อมชดเชยสำหรับต้นที่อาจจะตายไป ซึ่งหากมี 1 ต้นตาย ก็จะมีอีกหนึ่งต้นขึ้นมาแทน สมัยก่อนการปลูกพืชไม่มีการจัดระเบียบ ปลูกแบบทั่วไป ว่างตรงไหนก็ปลูกตรงนั้น ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่มีการพัฒนาระบบการเพาะปลูกเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่ระเบียบแถว วิธีการบำรุงรักษา จึงทำให้พืชเจริญเติบโตเร็วและได้ผลผลิตมีคุณภาพ “การปลูกทุเรียนต้นคู่ในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมจากเกษตรกรที่ปลูกทุเรียน เป็นการประยุกต์ใช้ระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับวิทยาการสมัยใหม่ที่ผ่านการศึกษาทดลองจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการปลูกทุเรียนในยุค 4.0 ก็ว่าได้ เพราะเป็นการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบลงตัว และประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม มีวิธีการแต่งกิ่งให้โล่งตามหลักวิชาการเพื่อให้ต้นพืชได้รับแสงแดดมากที่สุด ในแต่ละวันสามารถป้องกันการเกิดโรครากเน่าโคนเน่าได้ หมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวสามารถเข้าไปทำความสะอาดพื้นที่สวนได้สะดวกโดยไม่กระทบกับต้นและรากของทุเรียน ไม่ต้องใช้ยาฆ่าหญ้า ไม่ต้องใช้สารเคมี ใช้วิธีการทางธรรมชาติดูแลแปลงปลูก ให้หญ้าที่ตัดเป็นปุ๋ยพืชสดสำหรับต้นพืช ลดเรื่องการใช้ปุ๋ยทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้มาก” นายธีรภัทร กล่าว สำหรับการปลูกทุเรียนแบบต้นคู่ของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีนั้น จะเริ่มด้วยการเตรียมดินหรือหลุมปลูกด้วยการยกโคกหลุมปลูกให้สูงจากพื้นดินปกติ ประมาณ 120 เซนติเมตร ความกว้างของโคกปลูกประมาณ 8 x 8 เมตร เพื่อลดปัญหาและป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าและเอื้อต่อการจัดการในช่วงทุเรียนออกดอกติดผลและดูแลรักษา ใช้ระยะปลูก 12×12 เมตร ใน 1 หลุม ปลูก 2 ต้น แต่ละต้นห่างกัน 1 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ใช้ต้นพันธุ์ทุเรียนประมาณ 30-32 ต้น วางแนวปลูกตามแนวทิศตะวันออกและตะวันตก (ตามตะวัน) โดยระยะชิดอยู่ระหว่างทิศเหนือกับทิศใต้ผลตอบแทนและรายได้มีต้นทุนเฉลี่ย 7-8 บาท ต่อกิโลกรัม หรือ 19,000-20,000 บาทต่อไร่ (ไม่รวมค่ายกโคก และค่ากิ่งพันธุ์) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 2,400-2,500 กิโลกรัม ต่อไร่มีรายได้ ประมาณ 100,000-20,000 บาท ต่อไร่ (ราคาขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 45-50 บาท ต่อกิโลกรัม) |